รวมเอาไว้ให้ที่นี่

 

แม้จะโรเตชั่นทีมมากพอสมควร

และส่งชุดผสมลงรับมือกับ ปอร์โต้ หลังตบเท้าเข้ารอบ16 ทีมถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ไปแล้ว แต่ไม่วายที่ ลิเวอร์พูล ยังมีชัยเหนืออาคันตุกะจากแดนขนมหวาน 2-0 และนี่คือสารพัดสถิติที่บังเกิดขึ้นในเกมที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ย.) ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าสาวก เดอะ ค็อป คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆกันจากฟอร์มอันแข็งแกร่งของทีมโปรด

 1. ลิเวอร์พูล ไม่เคยแพ้ ปอร์โต้ เลยจากการเผชิญหน้ากัน 10 ครั้งในฟุตบอลสโมสรยุโรป (ชนะ 7 เสมอ 3)  รวมแล้ว หงส์แดง สอยตาข่ายได้มากถึง 25 ประตู ขณะที่ ปอร์โต้ คลำเป้าได้เพียง 4 ประตู และถ้าจะนับเฉพาะในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน หงส์แดง ลงเล่นกับทีมจากโปรตุเกสรายนี้มาแล้ว 6 ครั้ง และมีผลงานชนะ 5 เสมอ 1 2. นับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ ปอร์โต้ บุกมาเยือนถิ่น ดูบอล แอนฟิลด์ ดวลกับ ลิเวอร์พูล ในถ้วยยุโรป และพวกเขามีผลงานแพ้ 4 นัด เสมอ 1 นัด เท่านั้นไม่พอ ในจำนวนนี้ ปอร์โต้ สอยตาข่าย หงส์แดง ได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้นในเกมแพ้ 4-1 เมื่อเดือนพ.ย.2007 ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เชซูอัลโด้ เฟเรยร่า 3.ปอร์โต้ เป็นทีมแรกที่ ลิเวอร์พูล ต่อกรด้วยในถ้วยยุโรปมากที่สุดรวม 10 ครั้ง และยอดทีมจากอังกฤษไม่เคยแพ้เลย (ลิเวอร์พูล ชนะ 7 เสมอ 3)4.ในยุคของ คล็อปป์ ลิเวอร์พูล แพ้เกมเหย้าของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก แค่ 2 นัดเท่านั้นจาก 24 นัด (ชนะ 17 เสมอ 5) 

และสำหรับผู้จัดการทีมที่คุมทีมลงเล่นเกมเหย้าในรายการนี้มากกว่า 20 นัดขึ้นไป

คล็อปป์ ก็เป็นเพียงหนึ่งในสี่รายที่คุมทีมแพ้ในบ้านไม่เกิน 10% เช่นเดียวกับ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด (บาร์ซ่า) , มาร์เชลโล่ ลิปปี้ (ยูเวนตุส) และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (บาร์ซ่า)5. นับรวมทุกสโมสรจากโปรตุเกส ลิเวอร์พูล ฟาดแข้งกับทีมจากแดนฝอยทองมาแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง และชนะ 13 เสมอ 6 แพ้ 5

 แต่ถ้าจะนับเฉพาะเกมเหย้า หงส์แดง ชนะ 8 เสมอ 3 และแพ้แค่ครั้งเดียวต่อ เบนฟิก้า ในรอบ 16 ทีมของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2006 (ลิเวอร์พูล แพ้ 0-2 ตกรอบด้วยสกอร์รวม 3-0 หลังออกไปแพ้ในเกมแรก 1-0 ในยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซ) 6.ซาดิโอ มาเน่ ทำสถิติลงเล่นเป็นเกมที่ 50 ในฟุตบอลยุโรปให้กับ ลิเวอร์พูล นัดพิฆาต ปอร์โต้ 2-0 พอดี และเป็นพ่อค้าแข้ง หงส์แดง รายที่ 25 ที่ผ่านมาถึงจุดนี้ขณะเดียวกัน ดาวเตะเซเนกัลยังถูกโฉลกกับการพังประตู ปอร์โต้ อีกด้วยโดยทำได้มากถึงห้าลูกจากห้าเกมก่อนหน้านี้ที่เจอกัน เฉลี่ยแล้วยิงใส่คู่แข่งรายนี้ได้ทุกๆ 79 นาที และในเกมล่าสุดดาวเตะแอฟริกันเกือบบวกเพิ่มได้อีกเม็ด แต่เป็นลูกล้ำหน้า7.อลิสซง เบ็คเกอร์ ยังถูกส่งเฝ้าเสาเป็นตัวจริงต่อไปแม้ ลิเวอร์พูล จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปได้ก่อนแล้วพร้อมกันนี้ มือกาวทีมชาติบราซิลยังได้รับบทกัปตันทีม เร้ด แมชีน เป็นหนแรกอีกด้วย ขณะเดียวกัน โฌแอล มาติป ก็เป็นขุนพล หงส์แดง อีกรายที่ลงเล่นครบทุกนาทีของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้หลังมีชื่อในโผ 11 คนแรกเช่นกัน

8. เทย์เลอร์ มอร์ตัน กองกลางเด็กปั้นของ ลิเวอร์พูล ได้ประเดิมสนามในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเกมแรกกับการเปลี่ยนทีมสี่ตำแหน่งจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดถล่ม อาร์เซน่อล 4-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทำให้ดาวเตะวัย 19 ปีได้รับโอกาสที่สำคัญยิ่งหลังผ่านการลงสนามในทีมชุดใหญ่ก่อนหน้านี้ในฐานะตัวสำรองถ้วย คาราบาวคัพ รอบสามเกมบุกถล่ม นอริช 3-0 เมื่อเดือนก.ย. ก่อนได้ออกสตาร์ตในรอบต่อมาบุกไปสยบ เปรสตัน 2-0 เมื่อเดือนก่อน