แบกไม่ไหว

แม้ว่า บาเยิร์น จะมีนักเตะเก่งๆ หลายคนอยู่ในทีม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เลวานดอฟสกี้ 

ถือเป็นตัวความหวังเป็นลำดับต้นๆ ของพวกเขา ขณะที่กับทีมชาติโปแลนด์แล้วนั้น สถานะของแข้งวัย 33 ปีก็คือการเป็นตัวแบกของทีมอย่างเต็มตัว เพราะเขาเป็นแข้งซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของบ้านเกิดในตอนนี้อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ว่าทุกนัดที่ เลวานดอฟสกี้ ทำประตูได้นั้น จะจบลงด้วยการที่ทีมของเขาเป็นฝ่ายชนะ 

โดยในปีนี้มีทั้งหมด 5 นัดด้วยกันที่ เลวานดอฟสกี้ ทำประตูได้แต่ทีมของเขาต้องแพ้ แบ่งเป็น 4 นัดกับ "เสือใต้" และ 1 เกมกับ โปแลนด์ สำหรับเกมกับบ้านเกิดที่เขายิงได้แต่ทีมแพ้คือเกม ยูโร 2020 นัดสุดท้ายของกลุ่ม อี โดยวันนั้นเขาอุตส่าห์ทำได้ 2 ลูก แต่สุดท้าย โปแลนด์ ก็แพ้ สวีเดน ไปแบบชอกช้ำ 2-3 ส่วนกับ บาเยิร์น นั้น ประกอบด้วยนัดที่เขาทำได้ 1 ลูกแต่แพ้ กลัดบัค 2-3 เมื่อวันที่ 8 มกราคม, เกมที่พ่าย แฟร้งค์เฟิร์ต 1-2 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์, นัดที่พ่าย ไมน์ซ 1-2 เมื่อวันที่ 24 เมษายน ดูบอล และเกมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาที่ บาเยิร์น แพ้ เอาก์สบวร์ก 1-2 หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักเตะฝีเท้าดีถือเป็นซูเปอร์สตาร์ได้นั้นคือการที่คนๆ นั้นสามารถก้าวขึ้นมาช่วยทีมในยามคับขันได้ ซึ่งสำหรับกองหน้าแล้วนั้นสถานการณ์ที่ว่าก็คือการที่พวกเขาเป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมได้ และในปี 2021 เลวานดอฟสกี้ ก็ทำอย่างนั้นได้ 2 หน และเกิดขึ้นในเกม บุนเดสลีกา ทั้งคู่หนแรกที่ เลวานดอฟสกี้ มาเป็นฮีโร่ให้กับทีมคือเกมกับ เอาก์สบวร์ก เมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยตอนนั้น บาเยิร์น ได้ลูกจุดโทษในนาทีที่ 13 




และ เลวานดอฟสกี้ ก็ยิงเข้าไปก่อนที่ บาเยิร์น จะชนะไปเฉียดฉิว 1-0 

ส่วนครั้งที่ 2 เพิ่งเกิดขึ้นในเกมกับ ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมานี่เอง โดยวันนั้น เลวานดอฟสกี้ ยิงลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาดในช่วง 13 นาทีสุดท้าย จนทำให้ บาเยิร์น คว้าชัยด้วยสกอร์ 3-2โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยอดกองหน้าเลือดโปลของ บาเยิร์น มิวนิค กลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูมากสุดในรอบปีปฏิทินศึก 

บุนเดสลีกา เยอรมัน แต่เพียงผู้เดียว ที่จำนวน 43 ลูก หลังกระทุ้งประตูปิดท้ายในเกมที่ "เสือใต้" เปิดรัง อัลลิอันซ์ อารีน่า ถล่ม เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก 4-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมาเดิมที เลวานดอฟสกี้ ครองสถิติสูงสุดร่วมกับ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิงผู้ล่วงลับของ บาเยิร์น ที่จำนวน 42 ประตู (มุลเลอร์ ทำได้ในปี 1972) แต่ประตูจากเกมล่าสุดทำให้ สตาร์ทีมชาติโปแลนด์วัย 33 ปี ครองบัลลังก์แบบเดี่ยวๆ เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม หากนับรวมการแข่งขันทุกรายการในรอบปีปฏิทินนั้น เลวานดอฟสกี้ ที่ปีนี้ยิงรวม 69 ประตู รั้งแค่อันดับ 7 ต่อจาก ลิโอเนล เมสซี่ 91 ประตู (ปี 2012), แกร์ด มุลเลอร์ 85 ประตู (ปี 1972), เปเล่ 75 ประตู (ปี 1958), โรมาริโอ 72 ประตู (ปี 2000), เปเล่ 72 ประตู (ปี 1965) และ ซิโก้ 72 ประตู (ปี 1979)    แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่าผลงานของ เมสซี่ มันโดดเด่นจนทำให้เขาดูคู่ควรกับการได้รางวัลลูกฟุตบอลทองคำเป็นสมัยที่ 7 แต่อีกมุมหนึ่งหลายคนก็เสียดายเหมือนกันที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้เพียงอันดับ 2 เพราะที่จริงเขาก็มีผลงานที่สุดยอดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเหมือนกัน แถมว่ากันว่าเขาควรจะได้รางวัลในปี 2020 ด้วย ถ้าหากมันไม่โดนยกเลิกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปซะก่อน ทั้งนี้ หลังจากที่ เลวานดอฟสกี้ ชวดรางวัลในหนนี้ไปนั้น 

หลายคนก็ให้กำลังใจเขาและมองว่าเจ้าตัวอาจจะยังมีหวังที่จะได้รางวัลในปีต่อๆ ไปก็ได้ หลังจากที่เขายังยิงประตูได้เรื่อยๆ แต่เรื่องอนาคตมันเป็นสิ่งที่ "ไม่แน่นอน" บางครั้งคนเราอาจจะมีโอกาสได้เข้าใกล้กับเกียรติยศอันยิ่งใหญ่แค่ครั้งเดียวไปชั่วชีวิตก็ได้ และนี่ก็คือตัวอย่างของนักเตะชื่อดังที่เคยได้อันดับ 2 ในการชิงชัยรางวัล บัลลง ดอร์ แต่สุดท้ายไม่เคยได้รางวัลมาชดเชยความผิดหวังของพวกเขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เตรียมชิ่งอาร์เซน่อลซบโครินเธียนส์

คล็อปป์หยอดลิเวอร์พูลเป็นทีมสุดพิเศษ

แค่เจ๊าหล่นเล่นเพลย์ออฟ-สวิสปาดซิวตั๋วบอลโลก